การวัดความตึงใบเลื่อยสายพาน WESPA สำคัญแค่ไหน ?
ผลกระทบเมื่อใบเลื่อยสายพาน หย่อนเกินไป
1. การหลุดออกจากล้อสายพาน ใบเลื่อยอาจหลุดออกจากล้อสายพานระหว่างการทำงาน ซึ่งอาจทำให้เครื่องหยุดชะงักหรือเกิดอุบัติเหตุ
2. การตัดไม่ตรง ใบเลื่อยที่หย่อนจะไม่คงตำแหน่ง ทำให้การตัดมีความเบี่ยงเบน ไม่ตรงตามที่ต้องการ
3. การสั่นสะเทือน ใบเลื่อยที่หย่อนมักจะเกิดการสั่นสะเทือนในระหว่างการใช้งาน ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงดังและลดคุณภาพของการตัด
4. การสึกหรอของใบเลื่อยเร็วขึ้น การหย่อนทำให้ฟันของใบเลื่อยทำงานผิดปกติและอาจเกิดการสึกหรออย่างรวดเร็ว
5. เพิ่มความเสี่ยงต่อการแตกหรือฉีกขาด เมื่อใบเลื่อยเกิดแรงกดจากการใช้งาน อาจทำให้ใบเลื่อยฉีกขาดได้ง่ายขึ้น
ผลกระทบเมื่อใบเลื่อยสายพาน ตึงเกินไป
1. ความเครียดที่เพิ่มขึ้นบนใบเลื่อย ความตึงที่มากเกินไปจะทำให้ใบเลื่อยเกิดความเครียดสูง อาจทำให้ใบเลื่อยแตกหักหรือฉีกขาดได้ง่าย
2. การเสียหายของล้อสายพาน ล้อสายพานหรือเพลาจะต้องรับแรงดึงมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ล้อสายพานเสียหายหรือลูกปืน (Bearing) สึกหรอเร็วขึ้น
3. เพิ่มการสึกหรอของใบเลื่อย ใบเลื่อยที่ตึงเกินไปจะมีแรงเสียดทานเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการสึกหรอของฟันและตัวใบเลื่อย
4. ลดอายุการใช้งานของเครื่องจักร แรงดึงที่มากเกินไปอาจทำให้ชิ้นส่วนภายในของเครื่องจักร เช่น มอเตอร์หรือระบบขับเคลื่อนเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
5. เกิดความร้อนสะสม การตึงมากทำให้เกิดแรงเสียดทานสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดความร้อนสะสมในใบเลื่อยและชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งอาจทำให้เครื่องทำงานผิดปกติหรือไฟฟ้าลัดวงจร
การวัดความตึงของใบเลื่อยสายพานเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของเครื่องจักร โดยทั่วไปสามารถวัดความตึงใบเลื่อยสายพานได้ด้วยวิธีดังนี้:
- เครื่องมือวัดความตึง เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อวัดแรงดึงของใบเลื่อยสายพานโดยตรง
- วิธีการ:
- ติดตั้งเครื่องมือวัดความตึงไว้บนใบเลื่อยในตำแหน่งที่เหมาะสม
- อ่านค่าความตึงที่แสดงบนเครื่องมือ
- ปรับความตึงของใบเลื่อยให้ได้ค่าที่เหมาะสมตามคู่มือของผู้ผลิต (เช่น 15,000-30,000 PSI หรือค่าอื่นที่กำหนด)
2. การใช้วิธีการเบี่ยงตัว (Deflection Method)
- วิธีนี้ใช้ไม้บรรทัดหรือเครื่องมือช่วยวัดเพื่อประเมินการเบี่ยงตัวของใบเลื่อยเมื่อถูกกด
- วิธีการ:
- เลือกจุดตรงกลางระหว่างล้อสองล้อที่รองรับใบเลื่อย
- ใช้แรงกดแนวนอนที่ระบุ (เช่น 5 หรือ 10 ปอนด์) กับใบเลื่อย
- วัดระยะการเบี่ยงตัวของใบเลื่อยด้วยไม้บรรทัด
- ปรับความตึงตามค่าการเบี่ยงตัวที่กำหนดในคู่มือเครื่องจักร
3. การวัดด้วยเสียง (Sonic Tension Meter)
- อุปกรณ์นี้ใช้การวัดความถี่เสียงที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของใบเลื่อย
- วิธีการ:
- เปิดเครื่อง Sonic Tension Meter และตั้งค่าตามประเภทของใบเลื่อย
- ใช้ไมโครโฟนวัดเสียงที่ใบเลื่อย
- อ่านค่าความถี่ที่ได้และปรับความตึงตามค่าที่แนะนำ
4. การประเมินด้วยความรู้สึก (Manual Adjustment)
- วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในการตั้งค่าใบเลื่อยสายพาน
- วิธีการ
- ดึงใบเลื่อยด้วยแรงเล็กน้อยด้วยมือ
- สังเกตความตึงและการเคลื่อนไหว
- ปรับความตึงให้เหมาะสม โดยต้องไม่หลวมหรือแน่นเกินไป
ข้อควรระวัง
- ใช้ค่าความตึงตามที่ผู้ผลิตระบุไว้เสมอ เพื่อป้องกันการเสียหายของใบเลื่อยหรือเครื่องจักร
- ตรวจสอบใบเลื่อยก่อนการตั้งค่า เช่น ตรวจสอบความเรียบหรือความเสียหายของใบเลื่อย
- หลีกเลี่ยงการใช้ใบเลื่อยที่มีความตึงผิดปกติ เพราะอาจทำให้เกิดการสั่นสะเทือนหรือการหัก