แชร์

การวัดความตึงใบเลื่อยสายพาน WESPA สำคัญแค่ไหน ?

อัพเดทล่าสุด: 6 ม.ค. 2025
70 ผู้เข้าชม

ผลกระทบเมื่อใบเลื่อยสายพาน หย่อนเกินไป

1. การหลุดออกจากล้อสายพาน ใบเลื่อยอาจหลุดออกจากล้อสายพานระหว่างการทำงาน ซึ่งอาจทำให้เครื่องหยุดชะงักหรือเกิดอุบัติเหตุ
2. การตัดไม่ตรง ใบเลื่อยที่หย่อนจะไม่คงตำแหน่ง ทำให้การตัดมีความเบี่ยงเบน ไม่ตรงตามที่ต้องการ
3. การสั่นสะเทือน ใบเลื่อยที่หย่อนมักจะเกิดการสั่นสะเทือนในระหว่างการใช้งาน ซึ่งอาจทำให้เกิดเสียงดังและลดคุณภาพของการตัด
4. การสึกหรอของใบเลื่อยเร็วขึ้น การหย่อนทำให้ฟันของใบเลื่อยทำงานผิดปกติและอาจเกิดการสึกหรออย่างรวดเร็ว
5. เพิ่มความเสี่ยงต่อการแตกหรือฉีกขาด เมื่อใบเลื่อยเกิดแรงกดจากการใช้งาน อาจทำให้ใบเลื่อยฉีกขาดได้ง่ายขึ้น

 

ผลกระทบเมื่อใบเลื่อยสายพาน ตึงเกินไป

1. ความเครียดที่เพิ่มขึ้นบนใบเลื่อย ความตึงที่มากเกินไปจะทำให้ใบเลื่อยเกิดความเครียดสูง อาจทำให้ใบเลื่อยแตกหักหรือฉีกขาดได้ง่าย
2. การเสียหายของล้อสายพาน ล้อสายพานหรือเพลาจะต้องรับแรงดึงมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ล้อสายพานเสียหายหรือลูกปืน (Bearing) สึกหรอเร็วขึ้น
3. เพิ่มการสึกหรอของใบเลื่อย ใบเลื่อยที่ตึงเกินไปจะมีแรงเสียดทานเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการสึกหรอของฟันและตัวใบเลื่อย
4. ลดอายุการใช้งานของเครื่องจักร แรงดึงที่มากเกินไปอาจทำให้ชิ้นส่วนภายในของเครื่องจักร เช่น มอเตอร์หรือระบบขับเคลื่อนเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
5. เกิดความร้อนสะสม การตึงมากทำให้เกิดแรงเสียดทานสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดความร้อนสะสมในใบเลื่อยและชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งอาจทำให้เครื่องทำงานผิดปกติหรือไฟฟ้าลัดวงจร

 
 
การวัดความตึงของใบเลื่อยสายพานเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของเครื่องจักร โดยทั่วไปสามารถวัดความตึงใบเลื่อยสายพานได้ด้วยวิธีดังนี้:

1. ใช้เครื่องมือวัดความตึงเฉพาะ (Tension Gauge) 
  • เครื่องมือวัดความตึง เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อวัดแรงดึงของใบเลื่อยสายพานโดยตรง
  • วิธีการ:
  1. ติดตั้งเครื่องมือวัดความตึงไว้บนใบเลื่อยในตำแหน่งที่เหมาะสม
  2. อ่านค่าความตึงที่แสดงบนเครื่องมือ
  3. ปรับความตึงของใบเลื่อยให้ได้ค่าที่เหมาะสมตามคู่มือของผู้ผลิต (เช่น 15,000-30,000 PSI หรือค่าอื่นที่กำหนด)

2. การใช้วิธีการเบี่ยงตัว (Deflection Method)

  • วิธีนี้ใช้ไม้บรรทัดหรือเครื่องมือช่วยวัดเพื่อประเมินการเบี่ยงตัวของใบเลื่อยเมื่อถูกกด
  • วิธีการ:
  1. เลือกจุดตรงกลางระหว่างล้อสองล้อที่รองรับใบเลื่อย
  2. ใช้แรงกดแนวนอนที่ระบุ (เช่น 5 หรือ 10 ปอนด์) กับใบเลื่อย
  3. วัดระยะการเบี่ยงตัวของใบเลื่อยด้วยไม้บรรทัด
  4. ปรับความตึงตามค่าการเบี่ยงตัวที่กำหนดในคู่มือเครื่องจักร

3. การวัดด้วยเสียง (Sonic Tension Meter)

  • อุปกรณ์นี้ใช้การวัดความถี่เสียงที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของใบเลื่อย
  • วิธีการ:
  1. เปิดเครื่อง Sonic Tension Meter และตั้งค่าตามประเภทของใบเลื่อย
  2. ใช้ไมโครโฟนวัดเสียงที่ใบเลื่อย
  3. อ่านค่าความถี่ที่ได้และปรับความตึงตามค่าที่แนะนำ

4. การประเมินด้วยความรู้สึก (Manual Adjustment)

  • วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในการตั้งค่าใบเลื่อยสายพาน
  • วิธีการ
  1. ดึงใบเลื่อยด้วยแรงเล็กน้อยด้วยมือ
  2. สังเกตความตึงและการเคลื่อนไหว
  3. ปรับความตึงให้เหมาะสม โดยต้องไม่หลวมหรือแน่นเกินไป

ข้อควรระวัง

  1. ใช้ค่าความตึงตามที่ผู้ผลิตระบุไว้เสมอ เพื่อป้องกันการเสียหายของใบเลื่อยหรือเครื่องจักร
  2. ตรวจสอบใบเลื่อยก่อนการตั้งค่า เช่น ตรวจสอบความเรียบหรือความเสียหายของใบเลื่อย
  3. หลีกเลี่ยงการใช้ใบเลื่อยที่มีความตึงผิดปกติ เพราะอาจทำให้เกิดการสั่นสะเทือนหรือการหัก
การวัดและปรับความตึงที่เหมาะสมช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของใบเลื่อยและเพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน

 

 

 

 

 

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
ความสำคัญของน้ำยาหล่อเย็น กับการตัดเหล็ก
น้ำมันหล่อเย็น (Coolant) สำหรับเครื่องเลื่อยสายพานที่ใช้ในการตัดเหล็ก มีหน้าที่สำคัญในการช่วยลดความร้อนและแรงเสียดทานระหว่างใบเลื่อย
14 ม.ค. 2025
Best Practices for Preventing Accidents
Accidents involving industrial machinery can result in significant downtime.
21 ธ.ค. 2024
Choosing the Right Industrial Machinery for Your Manufacturing Needs
Whether you're starting a new production line or upgrading existing equipment
21 ธ.ค. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy